(มาอ่านบทสัมภาษณ์ ตอนที่ 2 จาก 3)

อยากบอกให้โลกรู้ว่า…สมุนไพรไทยมีดี…ดื่มได้ทุกวัน

“เมื่ออุปสงค์ (Demand) คือ กลุ่มโรคทั้ง 3 กลุ่มนี้ ส่วนอุปทาน (Supply) คือ สมุนไพรไทย สองอย่างนี้ยังไม่แมทชิ่งกัน ทำอย่างไรให้อุปสงค์และอุปทานแมทชิ่งกันได้ แล้วเรามีสมุนไพรไทยชนิดใดบ้างที่ตอบโจทย์เหล่านี้ จึงได้พัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรผงสำหรับชงดื่ม 3 สูตรด้วยกัน คือ อุรา (URA) ในบรรจุภัณฑ์สีแดง วายา (WAYA) ในบรรจุภัณฑ์สีทอง และนาภา (NAPA) ในบรรจุภัณฑ์สีเขียว เพื่อตอบโจทย์ภาวะของกลุ่มโรค 3 กลุ่ม ที่กล่าวไปข้างต้น”

“คนไทยจำนวนมากมีปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูงที่เป็นสาเหตุของโรคที่รุนแรง เช่น เส้นเลือดหัวใจอุดตัน เส้นเลือดในสมองแตก หรือโรคหัวใจ สาเหตุสำคัญคือ วิถีการกินของคนไทยที่ชอบทานของมันและของหวานเป็นประจำ เมื่อเราแก้พฤติกรรมการกินไม่ได้ เราต้องใช้อาหารบางอย่างมาทดแทน กล่าวคือ ให้อาหารลดทอนอันตรายของอาหารด้วยกัน อันเป็นวิธีทางธรรมชาติที่แก้ปัญหาโรคภัยจากการกินได้ สมุนไพรอุราที่มีสมุนไพรไทยทั้ง 10 ชนิด จะช่วยลดการสะสมของไขมันในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดขยายตัวอ่อนนุ่ม และทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง”

“ปัญหาเรื่องภูมิแพ้และโรคทางเดินหายใจที่เกิดกับคนไทยก็เป็นปัญหาหลัก และดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นจากสภาพฝุ่น หมอกควัน และมลพิษทางอากาศ ยิ่งขณะนี้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไปไกลเกินกว่าการควบคุม ปัญหาโรคทางเดินหายใจจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ สมุนไพรวายาเป็นการรวมอีก 10 สมุนไพรไทยที่ช่วยลดอาการแพ้อากาศ ลดการเกิดเสมหะ ลดการระคายเคืองและการไอ เมื่อเราป้องกันมลพิษจากภายนอกไม่ได้ สิ่งสุดท้ายที่เราทำได้คือ การสร้างภูมิในร่างกายให้แข็งแรง การบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม เช่น สมุนไพรวายาที่มีประโยชน์จึงกลายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จำเป็นและปลอดภัย”

(กรุณาอ่านต่อในบทที่ 3)